สภาทนายความลงนาม MOU กับสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา เพื่อให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายแด่พระภิกษุและผู้นำทางศาสนาที่ทางราชการให้การรับรอง

สภาทนายความลงนาม MOU กับสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา เพื่อให้ความช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายแด่พระภิกษุและผู้นำทางศาสนาที่ทางราชการให้การรับรอง


    วันนี้ ( 14 กุมภาพันธ์ 2566) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม 402-403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา คณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายแด่พระภิกษุและผู้นำศาสนาที่ทางราชการให้การรับรอง ระหว่าง สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา 

โดยมี ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ นายอินทพร จั่นเอี่ยม รองผู้อำนวยการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นผู้ลงนาม และมีนายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา และพลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา เป็นสักขีพยาน โดยมีนายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการ และนายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรรมการประชาสัมพันธ์ และรองเลขาธิการ นายขวัญชัย โชติพันธุ์ อนุกรรมาธิการด้านการศาสนาฯ และเจ้าหน้าที่สภาทนายความ พร้อมด้วยผู้นำทางศาสนา เข้าร่วมพิธีลงนามดังกล่า
 โดยมีนายวันชัย สอนศิริ รองประธานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการและโฆษกคณะกรรมาธิการการศาสนาฯ เป็นพิธีกรดำเนินรายการและกล่าวข้อความในการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ (MOU) 
 สำหรับสาระสำคัญการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ มีดังนี้

 1. กำหนดให้มีแนวทางการปฏิบัติร่วมกันในการให้คำปรึกษาทางกฎหมายแด่พระภิกษุและผู้นำศาสนาที่ทางราชการให้การรับรองทั่วประเทศ
 2. กำหนดรูปแบบและวิธีปฏิบัติ และแต่งตั้งผู้ประสานงานทั้งสามฝ่าย เพื่อให้การประสานข้อมูลเป็นไปด้วยความรวดเร็วและทันท่วงที
 3. กำหนดรูปแบบการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมายแด่พระภิกษุ และผู้นำศาสนาที่ทางราชการให้การรับรอง 
 4. กรณีเกิดข้อพิพาทหรือคดีความที่เกี่ยวกับกิจการศาสนาและศาสนสถาน ในจังหวัดใด ขอให้สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ แจ้งให้ประธานสภาทนายความจังหวัดหรือทนายความประจำจังหวัดนั้นให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทางกฎหมายแด่พระภิกษุและผู้นำศาสนาที่ทางราชการให้การรับรอง ตามที่ร้องขอโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    ดร. วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ ตนรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง สภาทนายความ ในฐานะเป็นหน่วยงานหนึ่งที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และเป็นหน่วยงานเดียวที่อำนวยความยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ การให้ความช่วยเหลือทางด้านศาสนา ถือเป็นนิมิตรหมายอันดี ตนมีแนวคิดให้ความช่วยเหลือทุกหมู่เหล่า โดยจะให้ความช่วยเหลือในเชิงป้องกัน ด้วยการเผยแพร่ความรู้ทางด้านกฎหมาย เพื่อให้เข้าใจถึงบริบทของกฎหมาย ซึ่งเป็นหน้าที่ของสภาทนายความที่จะขับเคลื่อนโดยให้ความรู้ในเชิงป้องกันและช่วยเหลือด้านต่างๆ ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้  
   พลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา กล่าวว่า ปัจจุบันมีบุคคลและกลุ่มบุคคลกระทำการในลักษณะแสวงหาประโยชน์จากวัด พระสังฆาธิการ และพระภิกษุ หรือกระทำการกลั่นแกล้งเอารัดเอาเปรียบ ข่มขู่คุกคามด้วยวิธีการตามกฎหมายหรือนอกกฎหมาย ส่งผลให้เกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีและมีข้อพิพาทต่าง ๆ อาทิ ข้อพิพาทที่ดินวัด ที่ธรณีสงฆ์ และศาสนสมบัติของวัดหลายแห่ง ส่งผลให้วัดและพระภิกษุตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีแพ่งและคดีอาญา ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่วัด และพระภิกษุโดยทั่วไป ซึ่งพระภิกษุที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยหรือแม้แต่ถูกร้องเรียน ในหลายกรณีพระภิกษุนั้นเป็นผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบแต่กลับต้องต่อสู้คดีในทางกฎหมาย เสียค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในกระบวนการยุติธรรม บางกรณีอาจต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ อีกทั้งพระภิกษุบางรูปกลับเลือกที่จะลาสิกขาไม่ประสงค์จะสู้คดีความ เพราะความยุ่งยาก ล่าช้า และไม่อยากมีปัญหาเพราะความไม่เข้าใจประเด็นข้อกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรม แม้ว่าปัญหาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นหลายกรณีมาจากปัญหาส่วนรวมของวัด เป็นเรื่องที่ปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจก็ตาม จึงทำให้คู่กรณีหรือผู้พิพาทกับทางวัดหรือพระภิกษุที่มุ่งหาผลประโยชน์จากทางวัด เกิดความลำพองใจ ฮึกเหิม อาจยกระดับการข่มขู่คุกคามเพิ่มมากขึ้นสร้างความเดือดร้อนแก่วัดและพระภิกษุ 
   คณะอนุกรรมาธิการด้านการศาสนาจึงได้ริเริ่มประสานงานกับหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา และสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาให้เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ อันจะนำมาซึ่งการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นอย่างแท้จริง เนื่องจากสภาทนายความ เป็นองค์กรหนึ่งที่มีความสำคัญทางด้านกฎหมายและมีสมาชิกปฏิบัติหน้าที่อยู่ในทุกพื้นที่ของแต่ละจังหวัด สามารถให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำข้อกฎหมายแด่พระภิกษุและผู้นำทางศาสนาได้ จึงควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการช่วยเหลือและให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายแด่พระภิกษุและผู้นำศาสนาที่ทางราชการให้การรับรอง โดยจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือขึ้นในครั้งนี้ 
       ด้านนายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา กล่าวว่า ชาติไทย ประกอบด้วย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และอยู่อย่างมั่นคงได้ด้วยความรัก ความสามัคคีและทุกศาสนารวมกันในชาติไทย แม้ประเทศไทยเราจะมี 5 ศาสนาหลัก แต่เราไม่รังเกียจ ไม่รังแกกัน ด้วยคุณธรรมของศาสนา อย่างไรก็ตามทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน สภาทนายความเป็นหนึ่งในองค์กรที่พยุงความยุติธรรมและเป็นสภาอันทรงเกียรติที่อำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชน และมีสมาชิกปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด สามารถให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายแด่พระภิกษุและผู้นำศาสนา ซึ่งตนจะผลักดันและต่อยอดอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้เป็นรูปธรรมต่อไป


ความคิดเห็น